เปิดใจ ไรเดอร์ ออเดอร์หลอน ไปส่งอาหารลูกค้า เจอสภาพบ้านถึงกับอึ้ง เผย คำพูดปลายสายทำขนลุก จนต้องกลับไปดูใหม่ตอนเช้าให้หายข้องใจ
จากกรณีเรื่องราวขนหัวลุกสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโซเชียล เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘Suwat Radomboon’ ได้โพสต์ลงในกลุ่มชื่อ ‘กลุ่มที่ไม่ว่าพิมพ์อะไรเราก็ให้กำลังใจในทุกเรื่องแบบงงๆอิหยังวะ’ แชร์ประสบการณ์ส่งอาหารสุดหลอน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว : ออร์เดอร์หลอน! ไรเดอร์ส่งอาหารลูกค้า เจอสภาพบ้านถึงกับอึ้ง แถมพาสำรวจพื้นที่

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 ก.ย.2566 นายสุวัจน์ ระดมบุญ ไรเดอร์ เปิดเผยกับ “ข่าวสดออนไลน์” ว่า ปกติตนเจอเหตุการณ์แบบนี้ค่อนข้างบ่อยครั้ง วันนั้นเวลาประมาณ 20.00 น. ก็ได้ไปส่งออเดอร์เป็นน้ำเต้าหู้ แต่พิกัดก็ไม่ขึ้นว่าเป็นหอพักหรือเป็นอะไร แต่ว่าทางเข้าไปเป็นป่า เมื่อไปถึงตนมองไม่เห็นทางเข้า จึงได้ขับเลยไปในรอบแรก ขณะนั้นได้หันไปมองทางขวา เห็นตึกสีเขียวแต่ว่าเป็นตึกที่ไม่มีคนอยู่ จึงวนรถกลับมาแล้วไปจอดรอหน้าซอยดังกล่าว แต่ตอนนั้นยังมองไม่เห็นตึก เพราะต้นไม้มันปิดหมดเลย
นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า และได้โทรหาลูกค้าเพื่อจะถามว่าอยู่ตรงไหน แต่ตอนแรกก็โทรไม่ติด เมื่อรับสายก็เสียงขาด ๆ หาย ๆ ลูกค้าก็บอกว่า “เข้ามาเลยค่ะ ทางเข้ามันเป็นทางมืด ๆ นะพี่ มีหญ้าขึ้น” ตนก็เห็นว่าทางเข้าไปก็มีน้ำขังแต่ก็ขับเข้าไปส่งและยังคงพูดสายกับลูกค้าอยู่ เมื่อไปถึงก็เห็นลูกค้าลงมารอเป็นผู้ชาย บนหัวมีไฟฉายติดอยู่ ปลายสายก็บอกว่า “ขอบคุณนะคะที่ขับรถเข้ามาส่ง” ทำเอาขนลุก เพราะไม่เคยได้ยินคำนี้เลย
นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า ไปถึงตนก็พยายามมองหน้าลูกค้าที่เป็นผู้ชาย เพราะแปลกใจว่าทำไมมาอยู่ตึกมืด ๆ แบบนี้ แต่ก็มองไม่เห็น และตนก็ได้พูดไปว่า “น่ากลัวจังเลยนะครับ เขาก็ตอบมาว่าค่อนข้างน่ากลัวครับตอนกลางคืน” แล้วก็เดินไปเลย ตอนแรกจะไปถาม รปภ.ว่าตรงนี้มีคนหรือเปล่า เพราะตอนนั้นคิดแต่เรื่องผี แต่ก็ไม่มี รปภ.อยู่
นายสุวัจน์ กล่าวว่า จากนั้นตนก็ได้แต่คิดว่าตึกแบบนี้ไม่น่ามีคนอยู่แต่ก็ไม่ได้อะไร แล้วไปทำงานต่อ แต่ที่เอาไปโพสต์ตอนช่วงเวลา 01.00-02.00 น. คือวันนั้นงานเยอะจริง ๆ ก็เลยเอาไปโพสต์ตอนช่วงที่มันว่าง ๆ แทน เอาไว้ถามเพื่อน ๆ แล้วก็ไปส่งออเดอร์อื่นต่อ แต่เมื่อมาดูอีกทีก็มีคนสนใจจำนวนมาก เลยได้มีการอัปเดตเป็นช่วง ๆ เพราะมีเวลาเเค่ตอนรออาหารที่ร้านเท่านั้น
นายสุวัจน์ กล่าวด้วยว่า ที่ตนโพสต์ไปก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นบอกว่าให้แจ้งตำรวจ เพราะเป็นผู้หญิงโทรมาเขาอาจจะโดนกักขังหน่วงเหนี่ยวอยู่ก็ได้ ซึ่งตอนแรกตนก็กลัวว่าจะเป็นอะไรแบบนั้น แต่ว่าตนมักเจอสถานการณ์ที่ให้แฟนลงมาเอากับข้าวแทนก็เลยไม่ได้คิดอะไร แต่ได้นำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับผู้ใหญ่ในจังหวัดว่าจะทำยังไงดี เขาก็บอกว่าอาจจะเป็นหอพักร้างที่มีวัยรุ่นเข้ามาทำกิจกรรมกันแล้วหิวก็เลยสั่งอาหารมา น่าจะไม่มีอะไรร้ายแรง
นายสุวัจน์ กล่าวว่า ด้วยความข้องใจและบรรยากาศก็ชวนให้คิด ตนจึงได้กลับไปดูตึกแห่งนั้นตอนกลางวันอีกครั้ง ก็พบว่าเป็นตึกค่อนข้างเก่า สภาพเหมือนไม่น่าจะมีคนอาศัยอยู่ได้ แต่ก็เห็นว่ามีคนตากผ้าอยู่ก็เลยทำให้มั่นใจว่าไม่น่าจะใช่สิ่งลี้ลับ
นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า ที่ตนนำเรื่องราวนี้มาเปิดเผยก็เพราะเป็นห่วงคนที่อยู่ที่นั่น เพราะว่าไฟทางเดิน ไฟบันได หรือไฟบริเวณนั้นไม่มีเลย ค่อนข้างจะมืดมากก็กลัวเป็นอันตรายกับคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นและเป็นอันตรายกับคนที่เข้าไปส่งของด้วย เพราะการบำรุงรักษาอาจจะไม่เข้าถึง ไม่มีงบประมาณหรืออะไรต่าง ๆ สุดท้ายนี้ ตนอยากฝากถึงหน่วยงานว่าให้นำงบประมาณไปปรับปรุงสถานที่แห่งนั้นหรือหาที่อยู่ให้ใหม่ เพราะว่ามันอันตรายและอยู่ในป่า เพราะมันอันตรายจริง ๆ